1. Feedback ที่ดีที่สุดมาจากลูกค้า
ปกติการทำเพจขายของ หรือการไลฟ์สดต่างๆ เมื่อมีการขายไปเรื่อยๆ ก็มักจะมีคนมาติดตามอยู่ประมาณหนึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นลูกค้าหรือไม่ก็ตาม คนกลุ่มนี้แหละ ที่จะเป็นคนคอยแนะนำเราเป็นอย่างดีว่าเราควรแก้ไขอะไรบ้าง และปรับปรุงอะไรจากการไลฟ์บ้าง
สำหรับตัวพิมรี่พายเอง ที่ขายของในช่วงแรกๆ ก็เป็นการลองผิดลองถูกตั้งกล้องขายไปเรื่อย คนตามเท่าไรก็ขาย จนวันหนึ่งมีคนทักว่าภาพในจอมืดจัง เธอก็แก้ไขโดยการไปเอาไฟสตูดิโอมาติดเพิ่ม พอลองเปลี่ยนเวลาไลฟ์ ก็มีคนมาคอมเมนท์ว่า อยากดูมากแต่ดูไม่ทัน ต้องมาดูย้อนหลังเลย ก็แสดงว่าเวลานี้ไม่เวิร์ก คนไม่สะดวกดู ก็ต้องเปลี่ยนเวลาให้เหมาะสมกับคนดูหมู่มาก หรือคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าเราว่างดูแทน
นั่นเลยทำให้คนที่ทำไลฟ์สดต้องคอยสอดส่องคอมเมนท์อยู่เสมอว่าพวกเขามีคำแนะนำอะไรให้กับเราบ้างในแต่ละวัน หลังได้รับมาก็ค่อยๆ นำมาปรับปรุงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะถูกใจพวกเขามากขึ้น และส่งผลให้มีคนติดตามมากได้ขึ้นเอง
2. สร้างคาแรคเตอร์ จากความเป็นตัวเอง
คาแรคเตอร์คือสิ่งที่คนขายไลฟ์สดควรต้องมี เพราะหากเปรียบแล้วมันก็เหมือนการแสดงโชว์หนึ่งอย่าง หากพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความน่าสนใจ คนดูก็ไม่สนใจ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องไปในทางเดียวกับพิมรี่พายทั้งหมด เพราะทุกๆ คนก็มีความเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนกัน บางคนจะเน้นสายสวย เน้นสายแบ๊ว เน้นพูดจาไพเราะออดอ้อน ก็ตามแต่ที่นิสัยตัวเองเป็น
พิมรี่พาย เคยกล่าวไว้ว่าการหาคาแรคเตอร์ต้องเป็นตัวเอง อย่าฝืน เพราะถ้าพยายามฝืนจากที่ตัวเองเป็นแล้ว วันนึงก็จะเหนื่อยและจะทำต่อเนื่องได้ไม่นาน อย่าง พิมรี่พาย เองก็รู้ตัวว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจมาก มีพลังในการพูดเยอะ เลยใช้น้ำเสียงหนักแน่น พูดด้วยความมั่นใจ เน้นความจริงใจ มีการใช้คำหยาบบ้างตามสไตล์ของตัวเอง ก็ถือเป็นคาแรคเตอร์ของตัวเองที่น่าจดจำ
3. ความมั่นใจ ทำให้คนเชื่อใจ
ต่อเนื่องจากเรื่องความมั่นใจของพิมรี่พายแล้ว อีกอย่างที่เราสังเกตได้ก็คือการใช้ Eye Contact จิกกล้องจ้องตาคนดูเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นวิธีการที่บอกกับคนดูว่า เรากำลังพูดคุยกับเขา สื่อสารกับเขา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพยายามอย่าละสายตาจากลูกค้าของเรา
4. สร้างสรรค์ความบันเทิง
เวลาไลฟ์สดขายของ บางคนเขาอาจจะไม่ได้มาซื้อของเรา ไม่ได้มีของที่เขาอยากได้ แต่เขาดูแล้วรู้สึกสนุก ก็ช่วยเพิ่มทั้งยอดคน และยอดวิวได้ ซึ่งในความบันเทิงของพิมรี่พายนั้นก็คือการด่า แต่การด่าของ พิมรี่พาย นั้น ไม่ใช่การด่าแบบเอาเป็นเอาตาย เป็นการด่าที่ได้อรรถรส ด่าแล้วทุกคนสนุกไปด้วย ใครที่เห็นก็จะรู้ว่าเป็นการด่าเล่นทั้งนั้น
5. ไลฟ์แล้วอย่าให้มีจังหวะเงียบ
จังหวะเงียบคือสัญญาณอันตรายในการขายของ เพียง 3 วิที่เงียบหายไป นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและจะทำให้เราดูเหมือนคนที่คิดอะไรไม่ออก ถ้าเป็นคนที่พูดเก่งอยู่แล้ว อาจจะไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนที่พยายามฝึกตรงนี้อยู่ก็ต้องลองหาวิธีแก้ของตัวเองว่าจะทำอย่างไร เพราะอย่าง พิมรี่พาย จะมีกระดิ่ง 1 อัน เอามาเพื่อกดชดเชยความเงียบ กดเวลาที่คิดอะไรไม่ออกก็ยิ่งกดรัวๆ ไปนานๆ เพื่อให้สมองคิดว่าจะได้พูดอะไรต่อ
แถมเธอยังเคยบอกว่ากระดิ่งของเธอนี้มีหลายฟังก์ชั่นมากๆ นอกจากไว้กดตอนลืมบทแล้ว ก็ยังใช้สร้างสีสันในการขายได้เป็นอย่างดี จะชง ตบ ขยี้ มุกต่างๆ ก็จบได้ด้วยกระดิ่งอันเดียว หรือแม้แต่เวลาขายอะไรออกแล้วปิดการขายได้ก็จะใช้กระดิ่งนี่แหละมาสร้างภาพจำให้คน ทุกครั้งที่กดกระดิ่งลูกค้าก็จะรู้สึกว่าต้องรีบซื้อแล้ว ต้องรีบกดแล้วก่อนของจะหมดอะไรแบบนี้ด้วย
6. จะขายอะไรให้เรียกความสนใจก่อน
แสดงนั้น จะต้องมีประโยคหนึ่งที่เรียกร้องความสนใจจากคนดูเสมอ นั่นก็คือ “หากพวกเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน” และเขาจะทำไปจนกว่าจะรู้สึกว่าได้รับความสนใจแล้ว ค่อยเริ่มพูดเรื่องตามสไตล์เขา ซึ่งของพิมรี่พายก็ไม่ต่างกัน อย่างการเรียก “คุณลูกค้าขา คุณลูกค้าขาาาา” พร้อมทั้งจ้องตาไปด้วย ก็เป็นการเรียกคนที่กำลังเปิดดูให้มีสติ ตั้งใจฟัง เพราะฉันต้องการที่จะสื่อสาร ต้องการที่จะบอกอะไรบางอย่างไปกับคุณแล้วนะ
7. เทคนิคการตั้งราคา จัดโปร
ราคา และโปรโมชันคือสิ่งที่ดึงดูดใจคนได้มากๆ สำหรับการขายออนไลน์ ดังนั้นก่อนขายทุกครั้งเราควรที่จะมีแผนการตั้งราคาของสินค้าแต่ละชิ้น และยิ่งไปกว่านั้นคือการจดจำต้นทุนให้ได้ เผื่อว่าต้องมีการลดราคาสดๆ ในขณะนั้นจะได้ไม่หักส่วนลดจนเข้าเนื้อ อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงการจัดโปรโมชันของสินค้าให้ดี อะไรลดได้เท่าไร อะไรควรลดเยอะลดน้อย นี่คือแผนที่ต้องวางก่อนที่จะเริ่มไลฟ์ในแต่ละวัน
8. อยากรวยกว่าเดิม ต้องมีทีมงาน
พิมรี่พาย เคยให้ข้อคิดอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาก ก็คือ การขายของคนเดียว ทำทุกอย่าง ทั้งไลฟ์ถ่าย ทั้งจดยอดขาย ทั้งแพ็กของ ทั้งส่ง ทำเต็มที่ด้วยแรงงาน 1 คน อย่างมากก็ได้แค่วันละ 5,000 บาท ในสภาพเหนื่อยปางตาย และในทางกลับกัน ถ้าเราเพิ่มแรงงานเป็น 10 คนได้ล่ะ โอกาสที่ขายได้ก็จะเพิ่มเป็น 50,000 บาท ต่อวันได้เลย
จริงอยู่ที่การไลฟ์สดขายของในช่วงแรก การทำคนเดียวคือการประหยัดต้นทุนที่ดี แต่ในวันนึงที่ธุรกิจจะต้องขยับขยาย ก็ต้องมีการเพิ่มทีมงาน เพราะอย่างการขายของ พิมรี่พาย เองนั้น ก็ต้องมีทั้งแอดมิน ที่ต้องคอยมารับงานรับมือกับปัญหาต่างๆ ของลูกค้า ที่ใช้มากถึง 40 คนเลยทีเดียว ในงานเทคนิคก็ต้องมีคนดูกล้อง จัดแสง เช็กไฟ ทีมเทคนิคที่คอยซัพพอร์ท เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาด เสียเวลาไปเท่าไร ก็เสียรายได้ไปเท่านั้น
9. ขายของด้วยความจริงใจ
ไม่ว่าจะเป็นการขายของในรูปแบบใด จริงๆ แล้วก็ควรใช้ความจริงใจกันทั้งหมดอยู่แล้ว เราจะเห็นได้ว่าการขายของ พิมรี่พาย คือ บอกชัดหมด ขายของแท้ก็บอกของแท้ พอจะขายของกิน สินค้ามากจากไหน ที่มาที่ไปก็บอกกันหมด ตอนที่ขายทุเรียนแปะยี่ห้อตัวเอง ก็บอกว่ามาจากเกษตรกรระยองไม่ได้ทำเอง ทั้งหมดนี้ก็จะเห็นถึงความจริงใจในการขายเป็นอย่างดี