The Pursuit of Happyness (2006)
“หนังที่ส่งต่อพลังบวกและกำลังใจ ให้ธุรกิจฝ่าฟันอุปสรรคกันต่อไป”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
คริส เซลล์แมนขายเครื่องสแกนกระดูก ที่มีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายกับครอบครัว แต่วันนึงหายนะก็มาเยือน เมื่อเครื่องสแกนกระดูกที่เขาลงทุนไปนั้น กลับขายไม่ดีเหมือนเก่า จนทำให้เงินทุนจมไปแทบทั้งหมดและเกิดปัญหาทางการเงินตามมา แม้แต่ภรรยาก็ยังตีจากแยกทางกันไปเพราะรับภาระไม่ไหว คริสจึงต้องกระเจงลูกชายออกมาเพื่อพยายามขายเครื่องสแกนกระดูกต่อไป แต่ดูแล้วก็แทบไม่มีหวัง เขาจึงปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เพื่อมุ่งสู่งานสาย Broker ที่มีบุคคลที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตที่ถาโถมเข้ามา
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
หนังเรื่องนี้เหมาะอย่างมากสำหรับบรรดานักธุรกิจที่กำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ นานาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ตัวละครของ Chris Gardner คือต้นแบบชั้นดีของคนที่ไม่ยอมแพ้ และไม่ยอมให้อะไรมากำหนดโชคชะตาเขาได้ เพราะในชีวิตจริงแม้ว่าเขาจะเป็นเซลล์แมนที่ขายสินค้าไม่ออกก็ตาม แต่ความพยายามของเขา ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ในเรื่องการเงินเลย ก็ทุ่มเทพลังกายพลังใจลงไปเพื่อเรียนรู้สิ่งนี้จนสุดท้ายก็คว้างานนี้มาและประสบความสำเร็จขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ
แน่นอนว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอุปสรรคที่เข้ามาย่อมทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น การหมั่นเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้อย่าง Chris คือทักษะสำคัญที่ต้องหาอะไรมาเติมอยู่เสมอ เพื่อให้ก้าวทันโลกได้ ทำให้นี่คือหนังส่องต่อพลังบวกแบบเต็มพิกัดอีกเรื่องสำหรับนักธุรกิจทุกๆ คนกันเลยทีเดียว
The Devil Wears Prada (2006)
“หนังสะท้อนมุมมองการทำงานอย่างดี ที่บางทีปลายทางความสำเร็จอาจไม่ใช่ความสุข”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
แอนเดรีย สาวน้อยจบใหม่ไฟแรงที่จู่ได้รับการสอบสัมภาษณ์ในบริษัทที่ไม่ได้คาดฝันจากบริษัทเจ้าของนิตยสารแฟชั่นอันดับหนึ่ง ด้วยความที่แตกต่างไม่เหมือนใครของเธอนั้น ทำให้เข้าตา มิแรนด้า พรีสท์ลี่ บรรณาธิการสุดเฮี้ยบที่โด่งดังในวงการนิตยสารแฟชั่นระดับโลก ซึ่งงานที่เธอสอบผ่านนั้นก็คือการเป็นผู้ช่วยของมิแรนด้านั่นเอง แม้ตอนแรก แอนเดรีย จะดีใจที่ได้รับงานนี้มา แต่สุดท้ายเธอถึงได้รู้ว่าฝันร้ายในชีวิตเป็นอย่างไร เมื่อบอสใหม่ของเธอคนนี้สั่งงานเธอเป็นว่าเล่น แถมเธอยังต้องคอยซัพพอร์ททุกอย่างในชีวิตของเธอ
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
แม้ธุรกิจในหนังอาจจะไกลตัวสำหรับเจ้าของกิจการบางราย เพราะในเรื่องจะเป็นงานที่ว่าด้วยนิตยสารแฟชั่น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมองข้ามหนังเรื่องนี้ไป เพราะหนังมีแง่มุมในการทำงานที่น่าสนใจมากๆ อีกเรื่อง เราจะได้เห็นทั้งการทำแบรนดิ้ง การขาย วิธีการใช้สื่อต่างๆ ในการโปรโมทสินค้าได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งมันยังทำให้เรามองเห็นสัจธรรมหลายๆ อย่างในการทำงานด้วย ทั้งในมุมของคนที่เป็นเจ้านายในเรื่องอย่างมิแรนด้าที่มีทั้งด้านดีในความเอาใจใส่และทุ่มเทกับงานเต็มที่ ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ต่างอะไรจากปีศาจที่ทำเอาคนรอบตัวเธอพังไปด้วยเสียหมด
หรือในแง่มุมของคนที่เป็นลูกน้องในเรื่องอย่างแอนเดรียเองก็เป็นการสะท้อนภาพของใครหลายๆ คนที่พยายามทำงานหนักเต็มที่ เพราะคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จ แต่หลงลืมบางอย่างเอาไว้ข้างหลังอย่างเช่นในเรื่องความสัมพันธ์ จนทำให้หนังเรื่องนี้นอกจากจะมีแง่คิดเรื่องการทำงานให้เราแล้ว ยังเป็นการได้ย้อนกลับมาถามตัวเองด้วยว่า ทุกวันนี้เราให้เวลากับความสัมพันธ์รอบตัวได้ดีพอหรือยัง เพราะบางครั้งความสำเร็จก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดถึงความสุขในชีวิตเสมอไป
The Social Network (2010)
“จุดเริ่มต้นของ Facebook อีกหนึ่งเทคเจ้าใหญ่ที่ควรศึกษาแนวทางจากจุดเริ่มต้น”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก นักศึกษาไอทีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่เพิ่งถูกสาวบอกเลิกมาหมาด ๆ และด้วยความคึกคะนองเขาจึงแฮคเข้าไปในระบบของมหาวิทยาลัยเพื่อดึงรูปนักศึกษาสาวทั้งหลายมา เพื่อให้ผู้คนร่วมกันโหวตว่าใครสวย หรือฮอทกว่ากัน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องอื้อฉาวแต่สุดท้ายผลงานก็ดันไปเข้าตาฝาแฝดคู่หนึ่งที่คาดหวังให้เขามาช่วยทำเว็บไซต์ฮาร์วาร์ดคอนเนคชั่น เพื่อเป็นชุมชนออนไลน์ของสถาบัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่นำมาสู่นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่อย่าง Facebook ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
ด้วยความที่เล่น Social Media อย่าง Facebook กันอยู่ทุกวัน เลยคิดว่ามันคงน่าสนใจไม่น้อยที่จะได้รู้ที่มาที่ไปขององค์กรยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในแบบทุกวันนี้ว่ามีจุดเริ่มต้นมาได้อย่างไร ซึ่งหนังก็สะท้อนเรื่องราวออกมาได้ดี สำหรับคนที่คิดจะทำธุรกิจต่างๆ กับเพื่อน ว่ามันสามารถไปถึงจุดแตกหักกันได้อย่างไร บางครั้งการทำธุรกิจที่ไม่ได้ผ่านการตกลงกันอย่างชัดเจน หรือวิสัยทัศน์ที่ไม่ตรงกันแล้ว ก็ที่ธุรกิจจะสำเร็จก็อาจจะเสียมิตรภาพกันไปเสียก่อน หนังเรื่องจึงเป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ของมาร์คกับเพื่อนของเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้แง่มุมของการเป็น Start-up หรือบริษัทเทคโนโลยีมันก็ยังสอนเราเพิ่มเติมที่ในเรื่องการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยับขยายให้เติบโตขึ้นด้วยความมั่นใจ และเน้นที่ Function หลักของธุรกิจก่อนที่จะเพิ่มเสริมเติมแต่งในส่วนอื่นๆ เข้าไปด้วย อีกทั้งหนังยังสะท้อนคุณลักษณะของ CEO อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค ในแง่ความเป็นเนิร์ดและดูมีปัญหากับผู้คนรอบตัวมาให้เห็นด้วยว่า การเป็น CEO ประเภทนี้ันั้นมันจะมีผลดีผลเสียอย่างไรกับเพื่อนร่วมทีมหรือองค์กรบ้าง
Joy (2015)
“จากคนธรรมดาที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ
และแก้ปัญหาต่างๆ ที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
จอย หญิงสาวธรรมดาที่เติบโตมาด้วยครอบครัวที่มีปัญหา และไม่เคยเป็นที่เพิ่งให้กับเธอได้เลย เธอจึงเติบโตขึ้นมาด้วยความแข็งแกร่งและดูแลตัวเองได้เสมอ แม้กระทั่งชีวิตคู่ที่พังลงไป ก็ทำให้เธอต้องแบกรับภาระต่างๆ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อโชคชะตาก็เลวร้ายไม่หยุด เมื่อเธอต้องอยู่ในสภาวะว่างงานจนต้องหาทางรอด ด้วยการใช้จินตนาการและความสามารถที่มี เพื่อเข้าสู่เส้นทางธุรกิจอย่างการทำไม้ม็อบออกมากขาย
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
ด้วยความที่มันเป็นหนังที่เล่าจุดเริ่มต้นของชีวิตคนธรรมดาเลย ที่เผชิญกับปัญหาในชีวิตจนต้องขุดความครีเอททีฟในหัวของตัวเองเพื่อแปรเปลี่ยนมาเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการที่ไม่ความรู้ต่างๆ ก็ทำให้อุปสรรคต่างๆ ของตัวละครอย่าง จอย ก็ดูยากไปเสียหมด นับตั้งแต่การคิดค้นสินค้าใหม่ การสร้าง Prototype การสรรหาวิธีการขาย ช่องทางการตลาดอันแสนวุ่นวาย แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่อุปสรรคทางผ่านของเธอเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว แม้จะไม่ได้มีความรู้ด้านธุรกิจมาก แต่เธอก็สามารถจัดการมันได้อย่างสวยงาม
นั่นจึงเป็นประโยชน์มากสำหรับคนดูที่เริ่มต้นโดยที่ไม่มีอะไรเหมือนกันแบบตัวละครในหนังเรื่องนี้ และคนที่แม้ว่าจะเจนจัดเรื่องธุรกิจอยู่แล้ว ก็อาจจะต้องคารวะกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวิธีการขายของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉากที่เธอใช้หน้าม้าเป็นตัวเองกับลูกสาว มาเพื่อเชียร์สินค้าตัวเองอย่างไม่ม็อบ ที่กำลังทำการทดลองใช้ที่ลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก็เป็นสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม จนนับว่าเป็นอีกสกิลที่เจ้าของธุรกิจทั้งหลายควรมีจริงๆ
The Intern (2015)
“หนังฟีลกู้ดพาหัวใจพองโต ไปกับวัฒนธรรมการทำงานของคนต่างวัยสุดขั้ว”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
เบน วิทเทเกอร์ ชายวัย 70 ปี ที่หลังจากเกษียณจากการทำงานมาพักใหญ่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าชีวิตมันว่างเกินไปจนอยากที่จะหาอะไรทำ จนกระทั่งเขาได้ไปเจอการรับสมัครพนักงานอาวุโสฝึกหัดในองค์กรแห่งหนึ่งที่เป็นสตาร์ทอัพด้านสินค้าแฟชั่นออนไลน์ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรนี้ร่วมกับเจ้าของกิจการอย่าง จูลส์ ออสติน สาวสวยรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ปั้นธุรกิจมาจนประสบความสำเร็จ ในช่วงแรกความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคของความต่างวัย แต่ไม่ทันไรทั้งคู่กลับจูนวิธีการทำงานและทัศนคติกันออกมาได้เป็นอย่างดี จากการแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้อย่างน่าสนใจ
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
อีกหนึ่งหนังที่เป็นกระแสในหมู่คนวัยทำงานมากๆ อยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่มันออกฉาย ด้วยความที่หนังสะท้อนสิ่งต่างๆ ในการทำธุรกิจยุคใหม่กลับมาได้มากเหลือเกิน จนไม่แปลกใจนักที่หนังจะเป็นที่ถูกพูดถึงมากมายเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเลยหนังพูดถึงในเรื่องวัฒนธรรมองค์กร สำหรับความแตกต่างในการทำงานออกมาได้อย่างสนุกเฉียบแหลม กับการทำงานของคนสอง Generation ที่อาจจะต้องปรับตัวให้มาเจอกันในตรงกลาง เพราะอย่างในด้านเทคโนโลยีที่อาจเป็นข้อเสียเปรียบของคนสูงอายุ ก็จะถูกชดเชยในเรื่องของประสบการณ์การทำงาน หรือการแก้ปัญหาที่เคยเผชิญมาก่อนหน้ามากมายมาเป็นจุดแข็งแทน
ในส่วนของคนรุ่นใหม่ แม้ว่าจะไฟแรง เน้นความไว ก้าวทันโลก แต่บทเรียนบางอย่างของคนยุคเก๋าก็ยังสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้อยู่เสมอ ซึ่งนอกจากประเด็นในเรื่องความต่างแล้วรวมถึงวัฒนธรรมอื่นๆ ในองค์กรแล้ว ในเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็น่าจะเป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจเสื้อผ้าออนไลน์ของนางเอก ก็มีหลายๆ มุมที่น่าหยิบจับมาพูดถึง ไปจนถึงการจัดการกับปัญหาชีวิตในขณะที่ธุรกิจของตัวเองกำลังเติบโตไปด้วยก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่เจ้าของกิจการมักมองข้ามกันไป จนหลายครั้งแม้จะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ แต่ก็น่าเสียดายที่ชีวิตด้านอื่นดันล้มเหลวแทน
The Founder (2016)
“สนุกไปกับจุดกำเนิดร้านอาหารฟาสฟู้ดส์ระดับโลก ที่เบื้องหลังไม่ได้สวยงามอย่างที่ออกมา”
หนังเกี่ยวกับอะไร ?
เรย์ ครอค เซลล์ขายเครื่องปั่นธรรมดาๆ คนนึง ที่ได้รับแจ้งจากเลขาของเขา ว่ามีร้านอาหารใหม่ชื่อว่า McDonald’s ของสองพี่น้อง แมค และ ดิ๊ค ที่ต้องการสั่งเครื่องปั่นทำมิลค์เชคถึง 6 เครื่อง เขาจึงดั้นด้นเดินทางมาแต่ไกล เพื่อหาคำตอบในความสงสัยของตัวเองว่า มันคือร้านอะไรกันที่ต้องใช้เครื่องเยอะขนาดนี้ เมื่อเขาไปถึงก็ต้องรู้สึกเหมือนเปิดโลกใหม่ จากการได้เห็นระบบของการทำ Fast Food ที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนสนใจอยากร่วมทำธุรกิจนี้แบบแฟรนไชส์ด้วย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นสำคัญของอาณาจักร้าน Fast Food ที่ใหญ่ที่สุดอีกเจ้าของโลกอย่าง Mcdonald
บทเรียนที่ได้จากหนัง :
เมื่อเรื่องที่ผ่านมาได้ไปเรียนรู้ธุรกิจด้านดีๆ กันมาก็เยอะแล้ว สำหรับเรื่องนี้ก็จะพามาเห็นเล่ห์เหลี่ยม ในการทำธุรกิจของชายที่มีชื่อว่า เรย์ ครอคกันบ้าง เพราะนี่จะเป็นตัวอย่างของนักธุรกิจที่พร้อมฟาดฟันทุกอย่างที่ขวางหน้าเพียงเพื่อให้ตัวเองนั้นได้ก้าวไปถึงความสำเร็จที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะจริงๆ แรกเริ่มเดิมที Mcdonald หรือไอเดียของร้าน Fast Food เองก็ไม่ใช่ไอเดียของเขาแต่อย่างใด มันจึงมีความน่าสนใจว่าในเมื่อเขาไม่ได้คิด และเอามาได้อย่างไรอยู่ในเรื่อง
นอกจากนี้เราจะได้เห็นยุทธวิธีการทำแฟรนไชส์ การควบคุมคุณภาพต่างๆ ของแต่ละสาขาว่าตัวละครมีแนวคิดหรือกระบวนการในการทำมันอย่างไร ไปจนถึงวิธีการลดต้นทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ ว่าทำอย่างไรให้ลดได้โดยที่ลูกค้าเองก็แทบไม่ได้สังเกตและยังโอเคกับแบรนด์เหมือนเดิม ทำให้หนังเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยลูกเล่นการทำธุรกิจแบบเทาๆ ต่างๆ ที่น่าสนใจ ถ้าใครดูไปก็ต้องเลือกเรียนรู้เอาหน่อยละกัน เอาแต่เรื่องดีๆ มาใช้ ถ้าอันไหนไม่ดีก็ปล่อยไว้ที่เดิมได้เลย