1) Agency มีความเชี่ยวชาญในเฉพาะทาง
ด้วยความที่ Agency นั้น มีงานหลัก ๆ ในการดูแลงานแต่ละประเภทที่มีความเฉพาะทางอยู่แล้ว ทำให้ในทีมของ Agency มักอุดมไปด้วยผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการทำการตลาดที่หลากหลาย รวมถึงความรู้ในการใช้ เครื่องมือต่าง ๆ ที่หลากหลาย ซึ่งหาก Brand มาลงมือใช้เครื่องมือเหล่านี้เอง ก็ต้องมานั่งลงมือศึกษาใหม่ กว่าจะ Training พนักงานขึ้นมาได้ แถมยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการทั้งแบบรายปีหรือรายเดือนกันอีก
อีกทั้งความเชี่ยวชาญเหล่านี้ก็ยังส่งผลไปถึงพวกเทคนิค ลูกเล่นต่าง ๆ อันมาจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่ Agency ได้ผ่านมา และสามารถแก้ปัญหาให้ได้ โดยที่เจ้าของ Brand นั้นไม่ต้องลงมาปวดหัวเอง
2) Agency สามารถให้คำแนะนำกับ Brand ได้
นอกจาก Agency จะทำหน้าที่ตามโจทย์ได้รับมอบหมายแล้ว โดยส่วนมากนั้น Agency ยังจะช่วยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับ Brand ได้ด้วย โดยอาศัยประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มา จากหลากหลายธุรกิจ เพื่อนำมาปรับใช้กับ Brand ได้ จากประเภทธุรกิจที่มีความหลากหลายที่ได้ร่วมงานมาในก่อนหน้า โดยที่ไม่ต้องกลัวข้อมูลเราจะรั่วไหลไปถึงคู่แข่ง เพราะโดยทั่วไป Agency มักจะไม่เลือกลูกค้าที่อยู่ใน Segment ตลาดเดียวกัน
ส่งผลให้นอกจาก Brand จะได้งานแล้ว ก็ยังจะได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ของธุรกิจอื่น ๆ ว่าเขาทำการโปรโมท หรือทำการตลาดออนไลน์กันอย่างไร และมีเทคนิคอะไรที่สามารถนำมาปรับใช้กับองคืกรตัวเองได้บ้างในอนาคต สิ่งเหล่านี้เจ้าของ Brand เองก็สามารถเรียนรู้จาก Agency ได้เช่นกัน
3) ต้นทุนอาจเท่ากัน แต่ไม่ต้องเปลืองแรง
หลาย ๆ Brand อาจเลือกเริ่มต้นลงมือทำทุกอย่างเอง โดยไม่หวังพึ่งพา Agency เพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายในการทำเองนั้นจะถูกกว่า แต่จริง ๆ แล้วการลงมือเองมีต้นทุนมากมาย ตั้งแต่การหาผูเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ อีกทั้งการติดต่อกับบรรดา Media ต่าง ๆ ทาง Agency เหล่านี้ก็มักจะคอนแทคหรือเส้นสายในการต่อราคามากกว่าอยู่แล้ว เพราะเป็นงานหลัก ในขณะที่ Brand ต้องลงไปลุยเองต่อรองใหม่เอง
ดังนั้นสุดท้าย Brand อาจจะใช้ต้นทุนการทำสิ่งเหล่านี้ ด้วยต้นทุนที่เท่ากัน หรือสูงกว่าการใช้บริการของ Agency ด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อจ่ายเท่ากันแล้ว เราจะปวดหัวเองทำไม ในเมื่อจ้าง Agency มีคนมาดูแลส่วนนี้ให้เราได้ทั้งหมด
4) ไม่ต้องจ้างพนักงานประจำเพิ่ม จบได้เป็นงานๆ
การทำการตลาดแบบออนไลน์มีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในหลายด้านที่เจ้าของธุรกิจจะต้องมาตามหาคนเหล่านี้มาร่วมทีม อาทิ Creative, Designer, Content Writer หรือต้องเสียงบไปกับการพัฒนาบุคลากรในด้านนี้เป็นอย่างมาก ต่างกับบริษัท Agency ที่มีบุคคลากรที่มีความสามารถพร้อมเฉพาะทางเหล่านี้อยู่แล้ว การใช้บริการ Agency ก็เหมือนผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาลงมือทำให้โดยไม่ต้องหาบุคคลากรเหล่านี้เอง
อีกทั้งด้วยงาน Campaign บางอย่าง ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตลอด ในบางเดือนก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานในส่วนนี้ก็ดูเป็น Cost เปล่า ๆ แต่ถ้าใช้ Agency นั้นก็จะสามารถปิดจบได้เป็นงาน ๆ ในแต่ละช่วงเฉพาะเวลาที่ต้องการได้เลย
อย่างมาก
5) ตรงเวลา ได้ตามแผนงาน คุมงบได้
สิ่งหนึ่งที่เหล่า Agency ต่างแข่งขันกันสูงมาก คืองานเป๊ะ ส่งตรงเวลา ตามแผนงาน ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้ในระดับนึงว่า หากกำหนด Timeline ขึ้นมาแล้ว บรรดา Agency ก็พร้อมที่จะทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพตามที่ตกลงกันเอาไว้ ภายในเวลาที่กำหนด ทำให้ Brand เองก็สามารถกำหนดแผนงานได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องลงแรงเอง
อีกทั้งยังสามารถควบคุมงบประมาณได้จากค่าใช้จ่ายที่ตกลงกันเอาไว้เป็นงาน ๆ ไป โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้บานปลายจนปวดหัวในการทำการตลาดในแต่ละครั้ง