การตลาดดิจิทัล

3 เหตุผลที่คุณจะต้องเสียเงินให้กับ Disney+ อย่างแน่นอน



  และแล้วก็มีข่าวดีกับชาวไทย ทาง Disney ได้มีการเคลื่อนไหวบางอย่างเกี่ยวกับ Disney+ ในประเทศไทย ด้วยการเพิ่มรายละเอียดในหน้าเว็บไซต์ ถึงบริการต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตออกมาให้เราได้ศึกษากันก่อนล่วงหน้า ดังนั้นวันนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ Disney+ กัน ว่าทำไมเราถึงควรเสียเงินให้กับมันด้วย ในเมื่อเราก็มีช่องรายการฟรีปกติ และ Netflix เอาไว้ดูเป็นปกติอยู่แล้ว

เกี่ยวกับ Disney+

     Disney+ คือบริการสตรีมมิ่งบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเหมือนกับ Netflix แต่จะโดดเด่นกว่าด้วยเนื้อหาคอนเทนท์บน Disney+ ทั้งหมดจะเป็นของค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ซึ่งก็มีทั้งภาพยนตร์, ซีรีส์, และรายการในเครือทั้งหมดของ Disney อยู่บนนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาเหล่านั้นจะไม่มีอยู่บน Netflix หรือบนแพลตฟอร์มไหน ๆ เลย (อีกต่อไป) และบางอย่างอาจหาดูได้ผ่านทาง Disney+ เพียงช่องทางเดียวอีกด้วย

     จากข้อมูลที่ออกมาล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงการปล่อยรายละเอียด Disney+ ในประเทศไทย ทำให้เราพบว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวน่าสนใจไม่น้อยหน้า (หรือมากกว่า) Netflix เลยก็ว่าได้ โดยทางเราได้สรุปความพิเศษของ Disney+ ไว้ทั้งหมด 3 ข้อสำคัญดังนี้

1) ราคาและโปรโมชั่นของ Disney+ ถูกใจคนไทยแน่นอน !

    ปกติเดือนหนึ่งเราเสียค่าบริการ Netflix เพียง 105 บาทเท่านั้น (ใช้แพ็คเกจพรีเมียม แล้วหารกัน 4 คน) ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ กับคอนเทนท์คุณภาพมากมายที่เราสามารถเข้าถึงได้ แต่ของ Disney+ จะถูกกว่า เพราะราคาเริ่มต้นของ Disney+ อยู่ที่ 219 บาทต่อเดือน และ 2,200 บาทต่อปี สามารถสร้างได้ 7 โปรไฟล์ใน 1 บัญชี และรับชมคอนเทนท์ต่าง ๆ ได้ในระดับ 4K สูงสุดพร้อมกันได้ 4 เครื่อง และถ้าดูกันหลายคน Disney+ จะให้คุณจ่ายค่าบริการเพียง 55 บาทต่อเดือนเท่านั้น

     ราคาดังกล่าวถือว่าถูกกว่า Netflix ประมาณ 2 เท่า ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล เพราะคอนเทนท์ของ Disney+ ยังน้อยอยู่ ด้วยราคาดังกล่าว ต่อให้มี Netflix อยู่แล้ว จะซื้อ Disney+ มาสลับดูอีกสักแพลตฟอร์มหนึ่งก็เรียกได้ว่าโอเคและไม่สิ้นเปลืองจนเกินไป

2) คออนิเมชั่น ฮีโร่ Marvel หรือสงคราม StarWars จะต้องชอบ

     ความพิเศษของ Disney+ คือบนแพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีคอนเทนท์ที่เป็นของ Disney เท่านั้น แบ่งออกเป็น 5 หมวดใหญ่ ๆดังนี้

Disney – รวมภาพยนต์ Disney ทั้งใหม่และเก่าเอาไว้พร้อมสรรพ และจะมีภาพยนตร์สุดคลาสสิคในชุดของ Disney Vault หรือภาพยนตร์ที่วางจำหน่ายในช่วงเวลาแบบจำกัดรวมไว้อยู่อีกด้วย

Pixar – เราต่างรู้กันดีว่าอนิเมชั่นของค่าย Pixar นั้นจัดเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก จะดีแค่ไหนที่เราสามารถดูผลงานของค่าย Pixar ได้ทุกเรื่องทุกเวลา รวมไปถึงซีรีส์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ทาง Pixar สัญญาว่าจะทำออกมาให้ได้รับชมกันแบบพิเศษสุด ๆ

Marvel – เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ทาง Disney ได้จัดงาน Disney Investor Day และขนหนังใหม่พร้อมตัวอย่างของหนังเหล่าฮีโร่รวมแล้ว 13 เรื่องมาให้เราได้กรี๊ดกัน ซึ่งในทั้ง 13 เรื่องนั้นนอกจากจะดูได้ใน Disney+ แล้ว บางเรื่องยังถูกกำหนดว่าต้องดูผ่านทาง Disney+ เพียงช่องทางเดียวอีกด้วย (โดย Wanda & Vision เป็นเรื่องแรกที่จะลงฉายในวันที่ 15 มกราคมนี้)

Star Wars – โดยปกติแล้วเรารู้จักซีรีส์ Star Wars อยู่เพียงไม่กี่ภาค รวมพวกที่เป็นซีรีส์ด้วยแล้ว ก็ถือว่ายังมีไม่มากนัก แต่เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ทาง Disney ก็ได้ออกมาประกาศว่าซีรีส์ Star Wars กำลังมีจ่อรอคิวให้เราดูเรื่องใหม่ ๆ อีก 14 เรื่องด้วยกัน ซึ่งรวมมาทั้งหนังและซีรีส์แล้ว โดยก็จะเหมือนกับของ Marvel ที่นอกจากจะดูได้ทั้งหมดบน Disney+ แล้ว บางเรื่องก็บังคับให้ดูผ่าน Disney+ เพียงที่เดียวเท่านั้นอีกด้วย

National Geographic – National Geographic ไม่ใช่ความพิเศษที่มีอยู่บน Disney+ แต่เป็นรายการสารคดี ที่คุณไม่ควรพลาด และบน Netflix ไม่มีให้คุณดูนะจะบอกให้

 

3) ดูได้ทุกที่ทุกเวลา รวมความสนุกไว้บนทุก ๆ แพลตฟอร์ม

     เราสามารถใช้บริการ Disney+ ได้บนหลาย ๆ แพลตฟอร์มอย่างหลากหลาย อาทิ Apple TV (tvOS), Android TV, Chromecast, Roku, PlayStation 4, Xbox One, Android (mobile), iOS, Web browsers, Samsung Smart TV ไลน์อัพปี 2015 ขึ้นไป, LG Smart TV ไลน์อัพ 2014 ขึ้นไป, Amazon Fire TV

     ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอแค่คุณมีอุปกรณ์ที่พร้อมจะต่อเน็ต แล้วเชื่อมเข้ากับ Disney+ ได้ คุณก็สามารถรับชมคอนเทนท์ทั้งหมดที่อยู่บน Disney+ ได้แล้ว

“อีกหนึ่งความบันเทิงที่ควรมีติดไว้ทุกบ้าน”

     ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของ Disney+ คือการที่ไม่มีเนื้อหา หรือคอนเทนท์ของค่ายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของค่ายตนเองอยู่เลย นั่นทำให้คนที่ชอบดูอะไรที่หลากหลายกว่าอาจไม่ค่อยถูกใจ Disney+ นัก ต่างจาก Netflix ที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับรองรับคอนเทนท์จากหลาย ๆ ค่าย รวมไปถึงคอนเทนท์เก่า ๆ ของ Disney ก็มักจะถูกนำมาฉายอยู่บ่อย ๆ บนช่องรายการทีวีให้ได้ดูกันฟรี ๆ ดังนั้นหลาย ๆ เรื่องทั้งอนิเมชั่น ภาพยนต์ Marvel หรือ Star Wars ที่ใครติดตามอยู่ตลอด และรับชมบนช่องทีวีอยู่บ่อยครั้ง อาจไม่ว้าวกับ Disney+ นัก

     แต่สิ่งที่ดึงดูดให้เราอยากใช้บริการของ Disney+ กลับกลายเป็นรายการใหม่ ๆ ที่กำหนดจะฉายในวันข้างหน้า เช่น ซีรีส์และภาพยนต์ของ Star Wars และฮีโร่ Marvel ที่รวมแล้วมีให้เราดูอย่างจุใจกว่า 30 เรื่อง และนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดขายสำคัญ ที่ทาง Disney วางเอาไว้สำหรับ Disney+ ก็ว่าได้

Related posts
การตลาดดิจิทัล

Cloud Kitchen แนวทางต่อลมหายใจ เมื่อร้านอาหารไม่มีหน้าร้านแล้ว

การตลาดดิจิทัล

"Momketing การตลาดฉบับคุณแม่" กระตุ้นต่อมซื้อมนุษย์แม่ยุคใหม่ ทำได้อย่างไร?

การตลาดดิจิทัลดิจิทัลต้องรู้!

6 หนังสอนธุรกิจชั้นดีในยุคใหม่ ที่เจ้าของกิจการควรหาโอกาสดู

การตลาดดิจิทัลดิจิทัลต้องรู้!

"เล่นไอจีให้มีรายได้" เทรนด์สร้างเงินสุดฮิตบน Instagram ในปี 2021

Sign up for our Newsletter and
stay informed
[mc4wp_form id="14"]