ในช่วงนี้ที่วัคซีน (ไม่กี่ยี่ห้อ) เริ่มทยอยเข้ามาในไทย และฉีดให้กับประชาชนกันมากขึ้น เพื่อหวังว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศได้โดยเร็ววัน ซึ่งหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เร็วแค่ไหน ผู้คนก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้นเท่านั้น เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศอยุ่ในช่วงเปราะบางเป็นอย่างมากในแทบจะทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเล็กๆ อย่าง SME หรือ SSME ที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ก็ได้รับผลกระทบกันไปเต็มจากการจับจ่ายใช้สอยที่น้อยลง เพราะผู้คนรู้สึกเสี่ยงที่จะออกจากบ้านไปยังสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน
แต่ไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจรายเล็กเท่านั้น แต่ธุรกิจรายใหญ่ๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กันเพียงแต่สายป่านที่ยาวกว่าเลยอาจทำให้พวกเขาสามารถยื้อชีวิตได้ดีกว่าธุรกิจขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อมีวัคซีนเข้ามาในไทย แต่คนกลับยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัววัคซีนที่มีนั้น จึงไม่ใช่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวที่จะกระตุ้นให้ผู้คนมาฉีดวัคซีนกัน แต่กลับต้องเป็นทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบที่ต้องร่วมมือกันจูงใจให้คนฉีดวัคซีนกันมากขึ้น เราจึงได้เห็นภาพธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ที่ก็ออกมาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์เช่นกัน
ซึ่งหากพิจารณาแล้วนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็คือแคมเปญที่น่าสนใจที่เริ่มมาตั้งแต่ทางต่างประเทศแล้ว ที่ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันจนแต่ละแบรนด์ก็ต่างออกมาแจกของสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีีนแล้วเพื่อเป็นการรณรงค์ ที่นอกจากส่งผลดีกับประเทศแล้ว ตัวแบรนด์นั้นได้ผลทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย ทาง Uppercuz จึงอยากจะมาวิเคราะห์กันดูว่าทำไมแคมเปญแบบนี้ถึงน่าสนใจ และทำไมหลายๆ แบรนด์จึงควรทำตามๆ กันมา
เพราะสร้างแรงจูงใจดีกว่าสร้างความกดดัน
ในช่วงที่วัคซีนเข้ามาแบบนี้ แน่นอนว่าคนที่ฉีดวัคซีนก็น่าจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอย่างพนักงานในองค์กรต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนการฉีดวัคซีนกันถ้วนหน้า จะเหลือก็เพียงคนที่ยังไม่เชื่อในคุณภาพวัคซีน และทางเลือกที่น้อยนิด จากวัคซีนแค่เพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น จึงเลือกที่จะรอทางเลือกจากวัคซีนอื่น ซึ่งในหลายๆ ที่ก็กลับสร้างเป็นความกดดันบีบให้พนักงานไปฉีดวัคซีนมากกว่าที่จะเกิดจากความสมัครใจ รวมถึงยิ่งคนรอบตัวที่ไปฉีดมากมายแล้วด้วยนั้นยิ่งสร้างแรงจูงใจด้านลบมากกว่าเดิม อีกทั้งหลายๆ คนก็ยังเข้าใจสิทธิในการนำสิ่งต่างๆ เข้าไปในร่างกายตัวเอง จนทำให้ความกดดันอาจไม่ได้ผลในสถานการณ์แบบนี้
สิ่งที่แบรนด์ทำในทุกวันนี้จึงเหมือนเป็นขั้วตรงข้ามของความกดดัน นั่นก็คือสร้างแรงจูงใจด้านบวก ที่ทำให้เห็นข้อเสนอที่ดีกว่า ว่าหากฉีดวัคซีนแล้ว จะได้อะไรบ้าง โดยที่ลูกค้าแต่ละคนนั้นก็เป็นผู้เลือกเองว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งการทำแบบนี้ก็ตรงกับทฤษฎีการเสริมแรง (Reinforcement) ที่มีทั้งด้าน Positive และ Negative ที่ด้าน Positive Reinforcement นั้น จะสามารถจูงใจให้กับผู้คนได้มากกว่าอยู่เสมอ
แน่นอนว่าผู้คนที่ฉีดวัคซีนนั้นจะไม่ได้เห็นแก่ของหรือโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เพราะน่าจะต้องกังวลถึงผลข้างเคียงและประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่หลายๆ แบรนด์ออกมาทำแคมเปญนี้พร้อมๆ กันนั้น ก็เป็นการสร้างกระแสการเชิญชวนได้อย่างน่าสนใจ และเป็นพลังงานด้านบวกในวงกว้าง ว่าทุกคนพร้อมสนับสนุนการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุดจริงๆ จากบรรยากาศโดยรอบ
แบรนด์ทำแล้วจะได้อะไร?
ขึ้นชื่อว่าเป็นการทำธุรกิจแล้ว แน่นอนว่าไม่มีการทำอะไรที่ไม่หวังผลอย่างแน่นอน เพราะขนาดการตลาดที่ช่วยเหลือสังคมอย่าง CSR (Corporate Social Responsibility) นั้นก็ยังต้องหวังอะไรกลับมา ดังนั้นปรากฏการณ์แบรนด์แจกของนี้ แบรนด์ก็ไม่ได้เสียอะไรไปฟรีๆ เหมือนกัน เพราะสุดท้ายแล้วก็ได้อะไรกลับมาทั้งทางตรงและทางอ้อมกันเลย
ซึ่งในทางตรงนั้น สำหรับแบรนด์ที่แจกสินค้าฟรี หรือของฟรีกันไปเลย ก็เป็นการสร้าง Brand Awareness ให้คนได้มารู้จักแบรนด์มากขึ้น ได้เข้ามาทดลองสินค้า ได้ลองมาใช้บริการ หากว่าถูกใจหลังจากนี้ในอนาคตก็น่าจะมาซื้อใช้กันอีก ในขณะที่หลายๆ ร้านก็ใช้วิธีการมอบเป็นโปรโมชั่นหรือส่วนลดแทน เช่น บางร้านอาหารก็เลือกที่จะลดราคาในบางเมนูถึง 50% สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งก็ช่วยเป็นการเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ที่สนใจแต่เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้ลองทานเมนูเหล่านี้ในราคาที่ถูกลงกันได้มากยิ่งขึ้น จากช่วงเวลาที่ยอดขายปกติตกลงไปแบบนี้
อีกทั้งตัวแบรนด์เองอาจเป็นที่รักของผู้ใช้บริการมากขึ้น เพราะผู้คนน่าจะจดจำได้อย่างแน่นอนว่าตัวเองนั้นเคยได้รับของฟรีหรือโปรโมชั่นในช่วงที่ฉีดวัคซีนกันก่อนใคร แต่ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นในรูปแบบไหน ก็จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้เริ่มมี Fanpage Facebook หรือสื่อในช่องทางต่างๆ มากมาย ที่รวบรวมบรรดาแบรนด์ที่มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ฉีดวัคซีนกันแล้ว ก็ยิ่งเป็นการทำให้แบรนด์เหล่านี้ ได้พื้นที่สื่อมาฟรีๆ จากการทำแคมเปญเหล่านี้ โดยที่ไม่ต้องจ้าง Influencer มาช่วยในการโปรโมทเลย แลกกับสิ่งที่ทางร้านแจก หรือโปรโมชั่นที่ทางร้านเองก็อาจได้มากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ในส่วนของผลประโยชน์ทางอ้อมนั้น ต้องอย่าลืมว่าบรรดาหลายๆ แบรนด์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด 19 กันแบบเต็มๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับร้านอาหาร ที่หากเกิดการระบาดทีไรก็มักจะถูกปิด หรือมีมาตรการจำกัดเรื่องที่นั่งมาก่อนเสมอ การมีอยู่ของวัคซีน และการที่ฉีดกันอย่างแพร่หลายเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับผู้คนในประเทศนั้น จึงเป็นทางรอดเดียวที่จะทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ และยิ่งมีการฉีดมากเท่าไร โอกาสในการแพร่ระบาดก็จะยิ่งลดลง จนทำให้ผู้คนเชื่อมั่นและกลับสู่สถานการณ์เดิมได้เร็วขึ้น ทำให้ร้านค้าเหล่านี้ก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างแบรนด์ที่ออกมาช่วงนี้
- Mcdonald จากบริษัท แมคไทย จำกัด เป็นแบรนด์แรกที่อยากจะพูดถึง เพราะเท่าที่เห็นคงเป็นรายแรกที่นำร่องมาก่อนตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่มอบเฟรนช์ฟรายส์ขนาดปกติ 1 ซอง เพื่อแสดงคำขอบคุณสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งการออกตัวก่อนในครั้งนี้ก็ชวนจดจำอยู่ไม่น้อยเลย
- เครือ Major ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆ จากการโดนปิดโรงหนัง รวมถึงไม่ค่อยมีหนังใหญ่ๆ เข้ามาในช่วงเปิด ด้วยสภาพแวดล้อมแบบสถานที่ปิดในโรงภาพยนตร์ก็ส่งผลให้ผู้คนไม่กล้าที่จะไปเข้าไปใช้บริการอยู่ดี ช่วงนี้แม้จะเปิดไม่ได้แต่ก็เป็นโอกาสดีมากๆ ที่อย่างน้อยๆ ก็ยังทำให้คนได้กลับแลก Popcorn หรือน้ำอัดลมที่เป็นจุดขายอีกอย่างของโรงภาพยนตร์ และหวังให้ตัวเองยังเป็นที่นึกถึงของลูกค้าแม้ว่าจะไม่ได้ใช้บริการก็ตาม
- อีกแบรนด์ที่แคมเปญออกมาน่าสนใจ และมีความโดดเด่นด้านการตลาดมาโดยตลอดในช่วงหลังๆ ก็คงเป็นร้าน Bar B Q Plaza ที่เจ้าอื่นๆ นั้น ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนเข็มแรกมาแสดง ทางแบรนด์ก็กลัวคนที่ตั้งใจจะฉีด แต่ยังไม่ถึงคิวจะน้อยใจ เลยจัดแคมเปญที่ “ง่ายยิ่งกว่าเดิม” เพราะแค่แสดงหน้าจอหลักฐานการจองฉีดวัคซีนก็ได้รับเมนูพิเศษกันได้เลย โดยที่ยังไม่ต้องฉีดก็ได้
- แม้จะให้ส่วนลดไม่มาก แต่ก็นับเป็นอีกแบรนด์ที่มีความน่าสนใจ เพราะไม่ได้แจกอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่มีส่วนลดให้สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมาใช้บริการ เพราะธุรกิจการเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ จากการกักตัวของผู้คน และงดเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ การออกตัวมาร่วมแคมเปญกับเขาด้วยก็เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจอยู่เหมือนกัน