การตลาดดิจิทัลวิเคราะห์การตลาด

ทำไมทุกวันนี้ร้านอาหารไหนๆ ก็ไปสาย Buffet กันทั้งนั้น!

   
     ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมา ความนิยมในการรับประทานอาหารแบบ Buffet หรือที่คนไทยเรียกกันว่าบุฟเฟ่ต์นั้น ได้รับความนิยมมากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้เลยว่าเมื่อคุณมีโอกาสผ่านไปมาในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์อาหารต่างๆ บรรดาร้าน Buffet มักได้รับความสนใจกันอย่างเนืองแน่นและการต่อคิวอันยาวเหยียดมาก โดยเฉพาะพวกร้านที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย ในขณะที่ร้านที่เป็น A La Cart หรือร้านแบบตามสั่ง กลับได้รับความนิยมลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด  (ซึ่งสวนทางกับที่อเมริกามากๆ ที่ร้าน Buffet สัดส่วนลดลง) จนบางครั้งเห็นว่าร้านในทำเลเดียวกันที่อยู่ข้างกันนั้น ในขณะที่ร้านทั่วไปกลับเงียบ ร้าน Buffet กลับมีคนเต็มร้านตลอดเวลา

     นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาร้าน Buffet ใหม่ ที่ขยายสาขากันอย่างดุเดือด และไม่ว่าคุณจะอยู่ย่านใดในกรุงเทพก็ต้องมีโอกาสได้พบเห็น 2 เจ้านี้ อย่าง ย่างเนย และ สุกี้ตี๊่น้อย ที่มีจุดเด่นทางด้านราคาที่อยู่ในเกณฑ์ถูก (ซึ่งก็คือ 199 ไม่รวมน้ำ) แต่ไม่ว่าจะผ่านไปครั้งใดก็มักจะเห็นผู้คนรอหน้าร้านเหล่านี้กันอย่างเนืองแน่นอยู่เสมอ ซึ่งร้านอาหารอย่าง Zen เองก็คงจะเห็นในภาพเดียวกัน เพราะล่าสุดก็เริ่มมีการปรับตัวไปสาย Buffet กับเขาดูบ้างแล้ว วันนี้ทาง Uppercuz จึงอยากหยิบเอาเทรนด์หรือกระแสการกิน Buffet มาลองวิเคราะห์กัน ว่าทำไมร้านอาหารยุคนี้ถึงทะยานไปสายบุฟเฟ่ต์กันมากมายเหลือเกิน

1) ยุคที่ราคาอาหารจานเดียวตามมาติดๆ

     โอกาสอย่างนึงของร้านบุฟเฟ่ต์ ก็คือราคาที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นของร้านอาหารจานเดี่ยว ที่กินตามห้าง ตามร้านแฟรนไชส์ ก็มักจะมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาท++ ต่อหัวอยู่แล้ว (โดยแต่ละร้านก็จะมีแนวทางของตัวเองว่า จะดึงเงินจากลูกค้าให้ได้อยุ่ที่ประมาณหัวละเท่าไร) ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนในการกินแล้วนั้น 300 บาท ในร้านทั่วไป ลูกค้าอาจได้อาหารเพียง 1 จาน อาจจะบวกจานกลางอีกนิดหน่อยในขั้นต้น ส่งผลให้เมื่อไปเทียบกับร้าน Buffet ที่ Range ราคาขั้นต่ำตอนนี้อาจจะอยู่ที่ 199 ไปจนถึงหัวละ 2,000 บาทแล้ว

     สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่ม Price Sensitive (หรือ ราคามีผลต่อการตัดสินใจมากๆ แล้ว) แน่นอนว่าทางเลือกของอาหารจานเดี่ยวน่าจะถูกตัดลงไปอย่างง่ายดาย และไปเลือกร้าน Buffet ในช่วงราคา 199 – 399 แทน การทานอาหารจานเดี่ยวในราคา 300 บาทได้อย่างแน่นอน  ในส่วนของลูกค้ากลุ่มทานหรูก็แทบจะมีพฤติกรรมแทบไม่ต่าง เพราะทุกวันนี้ร้านอาหาร Buffet เองก็ปรับขยับความ Premium ของตัวเอง ให้ลูกค้าได้เลือกทุกโซนราคาได้แล้ว ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ใน Position ไหน ร้าน Buffet ก็จะสามารถกำหนด Range ราคาเป็น Package ต่างๆ ตามคุณภาพ จนทำให้ Buffet นั้นค่อนข้างที่จะกวาดลูกค้าได้ในหลาย Segment เลยก็ว่าได้

     นอกจากนี้แล้ว Buffet ยังเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารที่เหมาะกับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มและต้องการคุมงบค่าอาหารด้วย เพราะสำหรับร้านอาหารแบบ A La Carte แล้ว เมื่อต่างคนต่างสั่ง อาจทำให้ราคาเกินกว่าที่ตัวเองคิด แต่สำหรับการใช้บริการแบบ Buffet นี้นั้น ปัญหาของลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะหมดไป เพราะลูกค้าทุกคนก็สามารถควบคุมงบการกินของตัวเองได้ โดยที่ปริมาณที่จะรับประทานก็มีได้อย่างไม่จำกัด ส่งผลให้ร้าน Buffet มักจะได้รับลูกค้าแบบกลุ่มเข้ามาได้ง่ายขึ้น และเมื่อได้แต่ละที ก็จะได้นับเป็นลูกค้าหลายหัวเลยทีเดียว

2) พฤติกรรมลูกค้าที่มองหาความหลากหลาย

     นอกจาก Buffet นั้นจะมีความได้เปรียบในการกวาดลูกค้าที่หลากหลายในจำนวนมาก จากการควบคุมงบได้แล้วนั้น อีกเรื่องหนึ่งที่ดูจะเป็นจุดเด่นที่หลายร้าน Buffet ให้ความสำคัญมากๆ ก็คือ ความหลากหลายของเมนูอาหาร เพื่อปรับให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะความหลากหลายนับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเลือกทานร้าน Bufftet ของลูกค้าเลยก็ว่าได้ เพราะจากเดิมในร้าน A La Cart อาจมีตัวเลือกที่จะจำกัด การอยากลองชิมอะไรเพิ่มอีกสักอย่าง นั่นหมายถึงการสั่งอาหารในเมนูเพิ่มมากอีก 1 จานใหญ่ ที่นอกจากอาจจะทานได้ไม่หมดจากปริมาณแล้ว ยังต้องเสียเงินเพิ่มอีกเยอะเลย

     ต่างจากการทาน Buffet ที่ลูกค้าจะเลือกชิมเมนูได้หลากหลาย ในราคาที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลให้ลูกค้านั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมาทาน Buffet มากขึ้น เพราะต้องการความหลากหลายในมื้ออาหารนั่นเอง แต่ในความหลากหลายของร้าน Buffet เองก็เป็นอีกหนึ่ง Challenge สำคัญ เพราะยิ่งเต็มไปด้วยเมนูที่มาก นั่นจะอาจจะมาจากตัววัตถุดิบที่หลากหลาย ซึ่งสำหรับหลายๆ ร้านที่มีแหล่งวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และได้ต้นทุนมาในราคาไม่สูงนั้นก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี สำหรับร้านที่อาหารที่อยากไปสาย Buffet ที่มีจุดเด่นในด้านความหลากหลายกันเลยทีเดียว

3) ระบบจัดการ Food Waste ที่ดีขึ้น

     ในยุคที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลต่างๆ ในการทำธุรกิจ อาจไม่ได้ทำง่ายเหมือนในทุกวันนี้ แต่ในปัจจุบันด้วยเทรนด์การจัดการ Data ที่มี ทำให้ธุรกิจอาหารก็เริ่มนำประโยชน์จากข้อมูลมาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจ Buffet ที่จะนำมาควบคุมต้นทุน และปริมาณวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี การเก็บข้อมูลจะช่วยร้านอาหารได้มาก ตั้งแต่เรื่อง Basic อย่าง ปริมาณอาหารที่ลูกค้าสั่งหรือหยิบในแต่ละวัน ในแต่ละช่วงเวลา มีอะไรเป็นที่นิยม อะไรที่ลูกค้าสั่งครั้งเดียวแล้วเลิก หรือมีหยิบซ้ำ เพื่อนำมาพัฒนาถึงเรื่องรสชาติอาหารแต่ละอย่าง

     ไปจนถึงการปรับสต็อกวัตถุดิบให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และควบคุมปริมาณไม่ให้เก็บมากจนเกินไป จนต้องกลายเป็น Food Waste อีกด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถลงลึกไปถึงพฤติกรรมของลูกค้า จากการเลือกทานแต่ละจานได้อีกด้วย เช่น จากเดิมมีเมนูที่ใส่อาหารลงไปให้ลูกค้า 4 ชิ้น แต่พบว่าเมื่อเสิร์ฟไปทีไร ก็มักส่งคืนกลับมา 1 ชิ้นเสมอ ก็อาจจะเริ่มปรับเมนู ให้เสิร์ฟเหลือ 3 ชิ้นแทน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือพลังของการเก็บ Data เพื่อนำมาวิเคราะห์ให้เกิดประสิทธิภาพแทบทั้งสิ้น และในยุคที่การเก็บ Data ง่ายขึ้น ก็จะยิ่งช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจ Buffer ได้อย่างแน่นอน

4) เทรนด์ญี่ปุ่นที่ยั่งยืน และเทรนด์เกาหลีที่มาแรง

     สำหรับเทรนด์อาหารญี่ปุ่นนั้น แม้ว่าจะเข้ามาในไทยหลายปีแล้ว แต่ความนิยมก็ยังไม่มีตก เพราะอาหารญี่ปุ่นหลายๆ ประเภท อาทิ ซาซิมิ ซูชิ ราเม็ง ชาบู ข้าวหน้าต่างๆ ก็ยังคงเป็นที่ถูกปากคนไทย อีกทั้งคนไทยยังมองว่าอาหารญี่ปุ่นยังเป็นอะไรที่ค่อนข้าง Premium การได้ทานอาหารญี่ปุ่นในลักษณะ Buffet จึงเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เพราะจ่ายเงินในแบบที่กำหนดได้ 1 ก้อน แต่สามารถกินปลาดิบได้อย่างไม่จำกัด ก็เลยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แม้ว่า Buffet ประเภทนี้จะมีราคาสูงอยู่ก็ตาม

     ในอีกส่วนก็คือเทรนด์เกาหลีที่มาแรงมากๆ ซึ่งส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่ามาจาก Content อย่าง ซีรี่ส์เกาหลี ที่มีส่วนในการเผยแพร่วัฒนธรรมเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายต่อหลายฉากที่ตัวละครทานอาหารเกาหลีได้อย่างน่าดึงดูดกันซะเหลือเกิน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดูจบหลายคนก็อาจจะมีอาการตามหาร้านเกาหลีกันยกใหญ่ แต่แน่นอนว่าโดยปกติอาหาร 1 จานก็ไม่ใช่ถูกๆ หากสั่งมาแล้วไม่ถูกปากก็คงเสียดายไม่น้อย Buffet ก็เลยมาช่วยแก้ปัญหานี้อีกแหละ ที่เมื่อลูกค้าไปก็จะได้ลองหลายเมนูของเกาหลีจากการกินเพียงทีเดียวได้เลย ทำให้ตราบใดที่เทรนด์เกาหลียังคงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนแล้ว Buffet สายเกาหลีก็ยังคงจะได้ไปต่ออย่างแน่นอน

           สรุปง่ายๆ ว่า Trend ที่ร้านอาหาร Go Buffet ในไทยนั้น มาจากสาเหตุ ดังนี้

  1. พฤติกรรมลูกค้าที่ชอบความคุ้มค่า ความหลากหลาย และสามารถควบคุมงบประมาณในการกินได้
  2. ระบบการจัดการ Food Waste ที่ช่วยให้การควบคุมต้นทุนและวัตถุดิบในร้าน Buffet ดีขึ้น
  3. เทรนด์เกาหลีที่มาแรง และเทรนด์ความ Premium ของญี่ปุ่นยังคงอยู่กับวัฒนธรรมการกินของคนไทยได้เป็นอย่างดี
Related posts
การตลาดดิจิทัล

Cloud Kitchen แนวทางต่อลมหายใจ เมื่อร้านอาหารไม่มีหน้าร้านแล้ว

การตลาดดิจิทัล

"Momketing การตลาดฉบับคุณแม่" กระตุ้นต่อมซื้อมนุษย์แม่ยุคใหม่ ทำได้อย่างไร?

วิเคราะห์การตลาด

"Netflix Shop" ก้าวต่อไปของ Streaming สู่การขายสินค้าสุด Exclusive ผ่านช่องทางของตัวเอง

วิเคราะห์การตลาด

เมื่อแบรนด์ขอสู้โควิดด้วย "แคมเปญวัคซีน" การพลิกเกมที่ได้ยิ่งกว่าโอกาส

Sign up for our Newsletter and
stay informed
[mc4wp_form id="14"]