1) แจกไอเดียของขวัญวาเลนไทน์
ไม่ว่าจะผ่านมาสักกี่ปี การเลือกของที่จะให้คนรักในช่วงวันวาเลนไทน์สำหรับใครหลายคนก็ยังคงเป็นปัญหา (ไม่ต่างกับของขวัญวันเกิด 555) การแจกไอเดียของขวัญวาเลนไทน์ก็เป็นอีกหนึ่ง Content ที่เป็นที่นิยมการค้นหาอยู่เสมอเมื่อใกล้ช่วงเทศกาลนี้ จึงเป็นการช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรามีสินค้าหรือบริการของเราเองที่ทำมาให้เข้ากับธีมอยู่แล้ว ก็สามารถนำเสนอสิ่งของเหล่านั้นให้เป็นตัวเลือกของลูกค้าได้ด้วย
แต่ในกรณีที่ไม่มีสินค้าของตัวเองที่จะเอามาตอบสนองลูกค้าได้ ก็อาจเบี่ยงไปเป็นในเชิงแนะนำสินค้าที่น่าสนใจแทน ซึ่งการแนะนำของเรานั้นก็ต้องพิจารณาถึง Positioning หรือ Target ของแบรนด์เราก่อนด้วย เพราะหากลูกค้าของแบรนด์เราเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะหน่อย ก็อาจจะเน้นการแนะนำในส่วนของเครื่องประดับที่ดูมีราคา อย่างเช่น ใน Set ของที่แนะนำ อาจจะประกอบไปด้วย สร้อยข้อมือ Swarovski หรือ แหวน Gucci เป็นต้น แต่ในทางกลับกันหากแบรนด์ของเราเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือวัยทำงานช่วงต้น อาจจะกำลังซื้อไม่มากนัก ก็ต้องเปลี่ยนไปแนะนำเป็น สินค้าจากร้านขายของ Handmade, ร้านที่จัดดอกไม้สวยๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ อะไรแบบนี้
ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าพยายามไปยึดติดมากเกินไป ว่าของขวัญที่จะเอามาแนะนำนั้นจะต้องเป็นของสำหรับที่คู่รักให้กันเท่านั้น เพราะจากผลสำรวจที่ผ่านมานั้น ก็ยังมีคนอีกมากมายที่มีการจัดเตรียมของขวัญให้กับคนรักในความสัมพันธ์รูปแบบอื่นๆ เช่น ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท ก็ทำให้เราอาจหาแนวทางคอนเทนท์ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ และได้เซตของขวัญใหม่ๆ สำหรับการให้ที่ต่างออกไปกันบ้าง ก็น่าจะได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
2) ให้ลูกค้ามีโอกาสอวดความรัก
สำหรับใครที่ไม่อยากจะมาลงมือทำคอนเทนท์เอง เราก็มีอีกหนึ่งทางเลือกมานำเสนอ นั่นก็คือการคิดแคมเปญเจ๋งๆ ออกมาสักอัน และให้บรรดาลูกค้าของเรานั้นมีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนท์ขึ้นมาให้ (user-generated content) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรูปแบบของโจทย์ต่างๆ ก็ต้องมีความสร้างสรรค์ ชวนเข้ามามีส่วนร่วม รวมไปถึงการใช้ #Hashtag ที่ชวนปังและชวนแชร์ต่อๆ กัน ซึ่งโดยส่วนมากแคมเปญที่เราจะได้พบเห็นกันบ่อยๆ ก็คือการร่วมสนุกแชร์รูปตัวเองกับคนรัก พร้อมเล่าเรื่องราวความรักสุดประทับใจของคู่ตัวเองแบบที่หลายๆ แบรนด์เคยทำมา
แต่หากไม่อยากที่สร้างกิจกรรมที่ต้องให้ลูกค้าเปิดเผยหน้ากันนัก จะสามารถบิดลูกเล่นนิดหน่อย เป็นการลง สิ่งของ หรือ ภาพ อะไรที่ตามที่สื่อถึงความรักของตน หรือตั้งหัวข้อให้มาร่วมแชร์ไอเดียของสิ่งของที่ตั้งใจจะให้กับคนรักปีนั้นก็ได้ โดยการดำเนินกิจกรรมนั้นก็อาจใช้รางวัลมาเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในรูปแบบของ Contest หรือการประกวดภาพ ว่าของใครจะมีคน Like มากที่สุด หรือจะตัดสินด้วยตัวแบรนด์เองก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ทางเราจะกำหนดได้เลย
3) เรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าเนียนๆ ด้วยแบบทดสอบ
หากในข้อแรกคือการสร้างคอนเทนท์เอง และในข้อสองก็คือการให้ลูกค้าสร้างคอนเทนท์ขึ้นมาแล้ว ข้อสามนี้ก็จะเป็นส่วนผสมของทั้งคู่ ที่เราจะต้องคิดรูปแบบของกิจกรรมขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้านั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมจากคำถามหรือ Poll ที่เราสร้างขึ้น เพราะทุกวันนี้ผู้คนชอบทำแบบสอบถามหรือแบบทดสอบ ที่สุดท้ายจะมีการระบุผลออกมาให้ อย่างเช่น พวก Personality Test ต่างๆ แต่ว่าทำแล้วทั้งทีก็เป็นโอกาสที่ดี ที่จะเก็บข้อมูล หรือพฤติกรรมของลูกค้าบางอย่างไปด้วย
อย่างเช่นการทำแบบทดสอบ คุณเป็นคนรักสายไหนในวันวาเลนไทน์ ก็อาจจะสอดแทรกคำถามจำพวกที่ว่า โดยปกติแล้วคุณซื้อของขวัญวาเลนไทน์ให้ใคร และ คุณพร้อมจ่ายแค่ไหนในการซื้อของขวัญ หรือมื้ออาหารให้คนรักในช่วงวันวาเลนไทน์ หรือคำถามอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และประเมินการตั้งราคาของสินค้าที่จะออกในช่วงวาเลนไทน์ในอนาคตว่า โดยปกติแล้วลูกค้าจะมีกำลังซื้ออยู่ประมาณเท่าใด และมักซื้ออะไรเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์กันเป็นประจำ
โดยเทคนิคที่สำคัญของการสร้างแบบสอบถามนี้ ก็คือการพยายามทำให้เป็นกระแสหรือแพร่แบบไวรัล ซึ่งโดยส่วนมากจะทำได้จากการสร้างผลของแบบสอบถามที่ชวนให้คนที่ทำแชร์มา หรือให้คนชอบในผลลัพธ์ของผลสอบถามจนอยากบอกไปสู่คนอื่นๆ ซึ่งหากทำได้ตามที่คาดไว้ ก็จะได้ข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อนำมาใช้ได้ไม่น้อยเลย
4) อย่าปล่อยให้คนโสดต้องเหงา มีกิจกรรมให้เขาบ้าง
เพราะคนโสด คนเหงาที่แสนอ้างว้างยังมีอยู่ทั่วไปทุกที่ และในผลสำรวจที่ผ่านมาก็พบว่าผู้ใหญ่กว่า 3 ใน 10 ต่างไม่ได้เอนเจอยกับเทศกาลวาเลนไทน์สักเท่าไร อาจจะเพราะด้วยแคมเปญต่างๆ ที่ต่างพากันเอาใจคนมีคู่ทั้งหลายแหล่ แต่พวกเขากลับยังต้องเหงาเหมือนเคย (พูดง่ายๆ คือโสดแล้วพาล 555) ซึ่งถ้าแบรนด์อยากจะทิ้งพวกเขาเอาไว้สักช่วงเทศกาลนึงก็อาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอยากจะเอาใจคนกลุ่มนี้ไปด้วย เพื่อให้เขามีความรู้สึกดีๆ กับเราก็สามารถทำได้เช่นกัน
เพราะมีกิจกรรมมากมายที่สามารถทำให้คนโสดอินได้ โดยที่ยังไม่หลุดธีมความรัก หรือที่จริงแล้วเราสามารถนำ 3 ข้อที่กล่าวเอาไว้ด้านบนมาประยุกต์ใช้ได้เลย อย่างเช่น การแนะนำไอเดียของขวัญ แทนที่จะมีแต่แนะนำของขวัญที่จะให้คนรักแบบคู่รักอย่างเดียว ก็สามารถทำเซตให้ครอบครัว ให้เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนๆ ก็ได้ไม่ต่างกัน ในส่วนของข้อสองก็อย่าไปปิดกั้นให้เป็นการแชร์เรื่องราวความรักแบบคนมีคู่เท่านั้น และใช้รูปภาพอื่นๆ ที่สื่อถึงความรักแทนรูปคู่ หรือจะสร้าง #Hashtag แชร์ประสบการณ์ความรักกับแฟนเก่า ที่เอารักร้าวมาประชันกับความรักของคนอื่นบนโลกออนไลน์ก็ดูสวนกระแส จนอาจได้รับความสนใจได้เป็นอย่างดี เหมือนอย่างที่เคยมีแบรนด์นึงได้ทำเอาไว้กับแคมเปญ #ShredYourEx
หรือแม้แต่ในข้อ 3 เอง ที่หัวข้อก็อาจก็มีลูกเล่นได้มากมาย เพราะคนโสดก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีความรัก อาจทำแบบทดสอบหัวข้อโดนๆ อย่างเช่น ตอนนี้คุณอยู่ใน Friend Zone ระดับไหน? สเปคในฝันเป็นอย่างไร? อะไรแบบนี้ ก็จะเป็นการดึงดูดให้คนโสดได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมเราได้ไม่ยาก โดยที่หัวข้อก็ยังคงวนเวียนกับเรื่องราวของความรักเข้ากับเทศกาลวาเลนไทน์ได้อยู่