สอบปลายภาคผ่านพ้นไป ก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอมใหญ่ นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันต่างๆ คงจะเริ่มมองหาที่ฝึกงานกันแล้ว
แต่ว่าสถานที่ฝึกงาน ก็มีอยู่มากมายเป็นพันๆ แล้วที่ไหน แบบไหนกันหละที่จะเหมาะสมกับเรา
ในบทความนี้จะแนะนำเรื่องการเลือกสถานที่ฝึกงาน มีวิธีและหลักเกณฑ์อย่างไร และฝึกงานแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการฝึกงานมากที่สุดและพร้อมเผยเคล็ดลับในการสมัครฝึกงาน ทำอย่างไรให้ผู้คัดเลือกประทับใจ โดดเด่น และเป็นมืออาชีพ..
เลือกสถานที่ฝึกงานให้เหมาะ
กับความถนัดหรือความสามารถที่มี
หลายๆ คนที่หาที่ฝึกงานน่าจะมีบ้างที่ติดเรื่องของแบรนด์ ติดชื่อเสียงและความโด่งดัง ตลอดจนติดภาพลักษณ์ต่างๆ ในองค์กรที่เราเลือกจะไปฝึกงาน เช่น บางคนในสายงานนิเทศศาสตร์ อาจรู้สึกอยากเข้าไปฝึกงานใน บริษัทชั้นนำด้านความบันเทิง โดยมองจากชื่อเสียงของบริษัทโดยคาดหวังว่าในชื่อเสียงเหล่านั้นจะนำพาตัวเราให้ได้ประวัติการทำงานที่ดี ประสบการณ์ที่จะได้รับในงานสเกลใหญ่ แต่ก็มีบางครั้ง ที่บริษัทใหญ่เหล่านี้ อาจทำให้นักศึกษาฝึกงานได้ทำงานที่เล็กน้อย หรือจับใน Project งานที่ไม่ใช่สโคปงานจริง
“เนื่องด้วยเพราะปัจจัยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
ปริมาณงานที่อาจจะเยอะและยุ่งมากอยู่แล้ว
ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การฝึกงานในบริษัทใหญ่ๆ
ที่มีชื่อเสียง อาจไม่ได้ดีอย่างที่คิดเสมอไป”

บางคนเลือกบริษัทที่ต้องการฝึก
จาก “ชื่อเสียง” และ “ความโด่งดัง”
แน่นอนหละ การเลือกบริษัทต่างๆ โดยมองจากสิ่งที่เราถนัดย่อมดีกับตัวเราแน่ๆ เพราะหาได้ไม่ยากมากนัก และมักจะถูกคัดเลือกได้ง่ายเพราะผลงานของเราตรงตามที่บริษัทต้องการ เช่น ถ้าเราเป็นนักศึกษาที่ถนัดทำงานกราฟิก แต่เลือกงานหรือบริษัทที่เกี่ยวกับกราฟิก นั่นน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายแต่ในเวลาเดียวกันบริษัทเหล่านั้นอาจจะไม่ท้าทายความสามารถของเราได้เต็มที่ เพราะเราอาจจะเจองานหรือรูปแบบของบริษัทที่เป็นบรรยากาศแบบเดิมๆ เป็นแบบเดียวกับที่เราเรียนมา เป็นแบบที่เราถนัดอยู่แล้ว ข้อดีอาจจะเป็น งานที่เราได้รับจากบริษัทเหล่านี้จะต่อยอดความสามารถที่เรามี แต่ข้อเสียก็ตามมาติดๆ ในเรื่องความท้าทายในเนื้องานที่น้อยลงไปจนอาจจะน่าเบื่อ
บริษัทขนาดเล็กจะได้ทำงาน
ที่หลากหลายกว่า ?
บริษัทเล็กๆ ฝึกงานได้ทำงานจริงนะเว้ย! งานหลากหลายด้วยนะ หนึ่งในคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ เมื่อถามถึงเรื่องฝึกงาน จากประสบการณ์และคำบอกเล่าของหลายๆ คนมักบอกตรงกันว่าในองค์กรขนาดเล็กงานที่ได้ทำ มักจะทั่วถึงและหลากหลายมากๆ บางคนก็ได้จับงานจริงโปรเจคจริงทั้งในและนอกสถานบริษัท ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะเมื่อขนาดของบริษัทไม่ใหญ่มากจึงอาจทำให้งานที่ได้ทำได้ฝึก หลากหลาย และยืดหยุ่น ซึ่งอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ผู้ที่ชื่นชอบจะพัฒนาตนเอง อาจมองว่าการทำงานในบริษัทขนาดเล็ก จะช่วยให้ได้รับความรู้ ความเอาใจใส่จากคนในบริษัทได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียก็ตามมาติดๆ งานที่เราได้ทำอาจหลากหลายเกินไปจนไม่ได้โฟกัสในเนื้องานที่ต้องการอย่างเต็มที่ หรือบางครั้งบริษัทเล็กๆ อาจมีการทำงานภายในที่แตกต่าง เช่น อาจมีการเข้าออกงานที่ไม่ตรงต่อเวลา หรือความเร่งด่วนของงานที่เพิ่มมากขึ้น นั่นก็ส่งผลให้เราเอง อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หรือไม่เคยชินกับงานที่ต้องเร่งและใช้ความเร็วเป็นพิเศษ

การเตรียมตัวและข้อควรรู้ที่สำคัญในการสมัครฝึกงาน
Portfolio และ Resume อันมากมายก่ายกองที่ส่งเข้ามาสมัครฝึกงานกองเป็นภูเขาในแต่ละปีนั้น ทำให้เรามองได้ว่าปัจจุบันคู่แข่งในการมองหาที่ฝึกงาน มากขึ้นจนอาจจะใกล้เคียงกับผู้ที่มาสมัครงานในบริษัทเลยก็ว่าได้ นั่นแปลว่า Profile ของเราต้องผ่านสายตาการคัดเลือกที่มากมาย แข่งขันกับผู้เข้าสมัครอีกหลายคน หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยเราได้คือความโดดเด่นและแตกต่างของ Portfolio และ Resume นั่นเอง ลองมาดูเทคนิคที่ไม่ยากในการทำสองสิ่งนี้ให้โดนตาโดนใจบริษัทต่างๆ กัน
1 . รายละเอียดครบถ้วน กระชับ และถูกต้อง
รายละเอียดในเอกสารของเรานั้นควรจะครบถ้วนและใส่สิ่งที่เป็นจุดเด่นจริงๆ ของเราลงไป บ่อยครั้งเรามักจะพบว่าข้อมูลที่ถูกใส่ลงไปไม่สำคัญมากเท่าที่ควร ทำให้ตัว Resume ของเรานั้นดูรก เช่น ประวัติการเรียนตอนประถม ประวัติการทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น การบริจาคเลือด กิจกรรมที่ทำแล้วไม่โดดเด่น การเข้าร่วมงานหรือมีส่วนร่วมในงานที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ Resume ดูน่าเบื่อ ไม่ได้เนื้อหาที่ต้องการจริงๆ เราจึงควรใส่สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ ลงไปในประวัติของเรา

2 . ทำเอกสารให้แตกต่าง
เอกสารของเราก็ควรจะแตกต่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ซึ่งอาจจะเยอะมากมายหลายร้อยคน ความโดดเด่นและแตกต่างจึงสามารถจะช่วยให้ Resume ของเราถูกพูดถึงและคัดเลือกได้ง่ายขึ้น เช่น การดีไซน์ Resume ให้สวยงามไม่ใช่เพียงกระดาษขาวๆ อาจใส่ภาพ Icon หรือตกแต่งให้สวยงามสร้างความน่าสนใจ โดยอาจจะคำนึงถึงงานที่เราสมัครเข้ามา เช่นสมัครเป็นกราฟิก อาจจะต้องมี Resume ที่สวยงาม มากกว่าสมัครสาขาอื่นๆ มีครั้งหนึ่งที่ Office เคยเจอ Resume ของคนที่สมัครมาสาย Content เขียนแนะนำตัวเองมา 1 หน้ากระดาษ ตกแต่งด้วย Icon ใส่ภาพ เลือกใช้ Font ที่อ่านง่าย สะอาดแต่ดูอ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ คนใน Office รู้สึกตกอยู่ในภวังค์การสะกดจิตจากเด็กคนนี้และรีบโทรหารับตัวมาสมัครงานทันที เราคิดตรงกันว่าน้องทำได้ดีทั้ง การแนะนำตัวเอง ความใส่ใจในการสมัคร มีความแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
3 . Portfolio ที่แสดงความเป็นตัวเรา
และบ่งบอกตัวตนให้เด่นชัดในสาขางานที่สมัคร
การทำ Portfolio ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้คัดเลือก บางครั้งมักพบเห็นว่าบางคนเข้ามาสมัครงานแต่ในเนื้องานของ Portfolio ที่ส่งเข้ามานั้น แทบไม่มีตัวอย่างงานที่เกี่ยวข้องเลย มีแต่ภาพกิจกรรม มีแต่ใบประกาศนียบัตรสมัยมัธยม ซึ่งทำให้ยากต่อการตัดสินใจเลือกนักศึกษาฝึกงานดีๆ สักคน เพราะเราไม่รู้เลยว่าเค้าจะสามารถเข้ามาทำงานที่เราจะช่วยฝึกนั้นให้ดีได้หรือเปล่า เคยมีเคสดีๆเคสหนึ่ง นักศึกษาฝึกงานทำพอร์ทที่ปริ้นด้วยกระดาษแข็งอย่างดี ขนาดประมาน เมนูในร้านอาหารแต่ใหญ่กว่า สวยกว่า และมีเนื้อกระดาษและเนื้องานที่ดีกว่ามาก เมื่อเข้ามาสัมภาษณ์ กรรมการจึงเห็นตรงกันในการเตรียมเนื้องานที่ดีมา ตรงกับสายงานและมีความตั้งใจมากๆ จึงไม่ยากเลยที่จะเข้ามาฝึกงานได้ เพียงเพราะความตั้งใจและทุ่มเทเท่านั้นเอง
4 . การร่างอีเมลที่เป็นทางการในการส่งมาฝึกงาน
อีเมลที่ร่างมาในการขอเข้าฝึกงานจึงควรเป็นอีเมลที่เป็นทางการ มีการใส่หัวเรื่องที่ถูกต้อง เนื้อหาในอีเมลก็ควรจะครบถ้วน โดยที่ไม่ต้องมีการสอบถามเพิ่มเติม และเอกสารที่แนบเข้ามาในอีเมล ควรจะแจ้งด้วยว่ามีเอกสารอะไรแนบมาด้วยบ้าง จะทำให้เราดูมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
เรียน บริษัทที่จะขอเข้าฝึกงาน
ข้าพเจ้า ดิฉัน ชื่อ , ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ไหน
ประสงค์จะขอความอนุเคราห์ฝึกงานในสาขาใด
ในเนื้องานอะไรบ้าง ยกตัวอย่างงาน
ต้องการจะเข้าฝึกงานช่วงเวลาใด , แนบเอกสารอะไรมาบ้าง
5 . ใช้ออนไลน์เข้ามาช่วยในการส่งผลงาน Portfolio
ผลงานที่เราทำมาบางครั้งอาจยากลำบากในการ Download มาเพื่อดู เคยมีครั้งหนึ่ง Download ผลงานของนักศึกษาคนหนึ่งด้วยขนาดไฟล์ที่ส่งมาใหญ่ถึง 100MB แต่ก็ต้องถอดใจไป เพราะเวลาในการโหลดยาวนานถึง สองชั่วโมง ลองใช้วิธีการฝากไฟล์ Portfolio ไว้บนเว็บดีกว่า เช่น การฝากไฟล์ผ่าน Google Drive ที่สามารถ Preview ดูได้ทันที ฝากไฟล์ไว้บน issue.com ที่เป็นเว็บฝากผลงาน Portfolio ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะช่วยให้ผลงานของเราสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น